Skip to content

กลยุทธ์ Remarketing ด้วย Google Ads

กลยุทธ์ Remarketing ด้วย Google Ads

## กลยุทธ์ Remarketing ด้วย Google Ads: ดึงลูกค้าเก่ากลับมา ปิดการขายให้สำเร็จ

เคยไหมที่ลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณแล้ว แต่ก็จากไปโดยไม่ได้ซื้อสินค้าหรือใช้บริการ? นี่คือโอกาสที่สูญเสียไปอย่างน่าเสียดาย แต่ไม่ต้องกังวล! Google Ads มีเครื่องมือทรงพลังที่เรียกว่า Remarketing (หรือ การตลาดแบบติดตามผล) ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถติดตามและแสดงโฆษณาต่อผู้ที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับเว็บไซต์หรือแอปของคุณมาก่อน เพื่อกระตุ้นให้พวกเขากลับมาและตัดสินใจซื้อในที่สุด

Remarketing คืออะไร?

Remarketing คือกลยุทธ์การแสดงโฆษณาแบบกำหนดเป้าหมายไปยังกลุ่มคนที่เคยเข้าชมเว็บไซต์หรือใช้งานแอปพลิเคชันของคุณมาก่อน โดยอาศัยการทำงานของ “Tag” หรือโค้ดติดตามที่ฝังไว้ในเว็บไซต์ เมื่อมีคนเข้ามา Tag จะจดจำข้อมูล (โดยไม่ระบุตัวตน) และเพิ่มเข้าไปใน “รายการผู้ชม (Audience List)” ที่คุณสร้างไว้ใน Google Ads จากนั้นคุณสามารถสร้างแคมเปญโฆษณาที่กำหนดเป้าหมายไปยังรายการผู้ชมเหล่านี้โดยเฉพาะ

ทำไมต้องทำ Remarketing?

1. เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ใช่: คนที่เคยเข้าเว็บคุณแล้วมีความสนใจในสินค้า/บริการของคุณอยู่แล้ว การแสดงโฆษณาซ้ำจึงมีโอกาสสูงที่จะเปลี่ยนพวกเขาเป็นลูกค้าได้
2. เพิ่มโอกาสในการปิดการขาย: ลูกค้าอาจต้องการเวลาในการตัดสินใจ การเห็นโฆษณาของคุณอีกครั้งเป็นการเตือนความจำและกระตุ้นให้กลับมาซื้อ
3. สร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness): การเห็นโฆษณาของคุณบ่อยๆ ช่วยให้แบรนด์ของคุณอยู่ในใจของลูกค้าเสมอ
4. เพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI): โดยทั่วไปแล้ว Remarketing มักจะมีอัตราการคลิก (CTR) และอัตรา Conversion ที่สูงกว่าแคมเปญทั่วไป เนื่องจากเป็นการสื่อสารกับกลุ่มคนที่มีแนวโน้มจะซื้ออยู่แล้ว

กลยุทธ์ Remarketing ที่น่าสนใจบน Google Ads:

1. Standard Remarketing (พื้นฐาน):
* หลักการ: แสดงโฆษณา (ส่วนใหญ่เป็น Display Ads หรือโฆษณาแบบรูปภาพ/แบนเนอร์) ให้กับผู้ที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ของคุณทุกคน บนเครือข่าย Display ของ Google (GDN) ซึ่งรวมถึงเว็บไซต์และแอปพันธมิตรจำนวนมาก
* เหมาะสำหรับ: การเริ่มต้นทำ Remarketing, การสร้างการรับรู้แบรนด์โดยรวม

2. Dynamic Remarketing (แบบไดนามิก):
* หลักการ: แสดงโฆษณาสินค้าหรือบริการ *เฉพาะรายการที่ผู้ใช้คนนั้นเคยดู* หรือสินค้าที่เกี่ยวข้องบนเว็บไซต์ของคุณ โฆษณาจะปรับเปลี่ยนไปตามพฤติกรรมของผู้ใช้แต่ละคน
* เหมาะสำหรับ: ธุรกิจ E-commerce, เว็บไซต์ที่มีสินค้า/บริการจำนวนมาก ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าที่พวกเขาสนใจได้ตรงจุด (ต้องมีการตั้งค่า Product Feed เพิ่มเติม)

3. Remarketing Lists for Search Ads (RLSA):
* หลักการ: ปรับแต่งแคมเปญโฆษณาบนเครือข่ายการค้นหา (Search Ads) สำหรับผู้ที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ *เมื่อพวกเขากลับมาค้นหา* คำที่เกี่ยวข้องบน Google อีกครั้ง คุณสามารถ:
* ปรับราคาเสนอราคา (Bid Adjustments): เพิ่มราคาเสนอสำหรับกลุ่มเป้าหมายนี้เพื่อให้โฆษณาของคุณมีโอกาสแสดงผลในตำแหน่งที่ดีขึ้น
* แสดงโฆษณาหรือ Keywords เฉพาะ: สร้างข้อความโฆษณาหรือใช้ Keywords ที่แตกต่างสำหรับกลุ่ม Remarketing โดยเฉพาะ
* เหมาะสำหรับ: เพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ Search Ads, เข้าถึงลูกค้าที่กำลังเปรียบเทียบหรือตัดสินใจซื้อ

4. Video Remarketing:
* หลักการ: แสดงโฆษณาวิดีโอ (บน YouTube และ GDN) ให้กับผู้ที่เคยดูวิดีโอของคุณ, เข้าชมช่อง YouTube ของคุณ, หรือมีปฏิสัมพันธ์กับวิดีโอของคุณในรูปแบบอื่นๆ
* เหมาะสำหรับ: ธุรกิจที่ใช้ YouTube ในการตลาด, สร้างการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง

5. Customer List Remarketing (จากรายชื่อลูกค้า):
* หลักการ: อัปโหลดรายชื่ออีเมลหรือข้อมูลติดต่ออื่นๆ (ที่ได้รับความยินยอมจากลูกค้า) เข้าสู่ Google Ads เพื่อสร้าง Audience List และแสดงโฆษณาต่อลูกค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ (ข้อมูลจะถูกเข้ารหัสเพื่อความเป็นส่วนตัว)
* เหมาะสำหรับ: การรักษาลูกค้าเก่า (Retention), การเสนอโปรโมชั่นพิเศษให้ลูกค้าปัจจุบัน, การทำ Cross-selling หรือ Up-selling

การแบ่งกลุ่มผู้ชม (Audience Segmentation) เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด:

แทนที่จะทำ Remarketing กับผู้เข้าชมทุกคน ลองแบ่งกลุ่มตามพฤติกรรมเพื่อสร้างข้อความโฆษณาที่ตรงใจยิ่งขึ้น เช่น:

* ผู้เข้าชมทั่วไป: กลุ่มกว้างที่สุด อาจใช้โฆษณาทั่วไปเพื่อสร้างการรับรู้
* ผู้เข้าชมหน้าสินค้า/บริการเฉพาะ: แสดงโฆษณา Dynamic Remarketing หรือโฆษณาที่เกี่ยวกับสินค้านั้นๆ
* ผู้ที่ทิ้งสินค้าในตะกร้า (Cart Abandoners): กลุ่มสำคัญที่สุด! อาจเสนอส่วนลดพิเศษหรือกระตุ้นให้กลับมาซื้อให้เสร็จสิ้น
* ผู้ที่เคยซื้อแล้ว (Converters): อาจยกเว้นจากการเห็นโฆษณาทั่วไป หรือแสดงโฆษณาเพื่อ Up-sell หรือ Cross-sell สินค้าอื่นแทน
* แบ่งตามระยะเวลา: เช่น กลุ่มที่เข้าชมใน 7 วันล่าสุด vs. 30 วันล่าสุด อาจใช้ข้อความโฆษณาที่ต่างกัน

เคล็ดลับเพิ่มเติม:

* กำหนดความถี่ (Frequency Capping): ตั้งค่าจำกัดจำนวนครั้งที่ผู้ใช้คนเดิมจะเห็นโฆษณาของคุณ เพื่อไม่ให้เกิดความรำคาญ
* สร้างสรรค์ชิ้นงานโฆษณา (Creative): ใช้รูปภาพ ข้อความ และ Call-to-Action (CTA) ที่น่าสนใจและชัดเจน อาจเสนอโปรโมชั่นพิเศษสำหรับกลุ่ม Remarketing
* ทดสอบและปรับปรุง: ทดลองใช้ Audience List, ข้อความโฆษณา, และกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ
* ใช้ Exclusion Lists: อย่าลืมยกเว้นกลุ่มคนที่ไม่ต้องการให้เห็นโฆษณา เช่น คนที่ซื้อไปแล้ว (สำหรับแคมเปญกระตุ้นการซื้อครั้งแรก)

Remarketing เป็นกลยุทธ์ที่ขาดไม่ได้ในการทำ Google Ads ให้ประสบความสำเร็จ เพราะช่วยให้คุณไม่พลาดโอกาสในการเปลี่ยนผู้เข้าชมที่สนใจให้กลายเป็นลูกค้าตัวจริง ลองนำกลยุทธ์เหล่านี้ไปปรับใช้ แล้วคุณจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน!

บทความคล้ายกัน

วิธีเลือก ร้านรับซื้อเพชรทอง และนาฬิกา Rolex

การขายสินทรัพย์มีค่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพชร ทองคำ และนาฬิกา Rolex เป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในตัวเอง แต่การขายให้ได้ราคาสูงสุดนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนการขายของทั่วไป เพราะขึ้นอยู่กับทั้ง “การเลือกร้าน” และ “จังหวะเวลา” รวมถึงความรู้เบื้องต้นของผู้ขายเอง หากเข้าใจองค์ประกอบเหล่านี้ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายได้ราคาดีและคุ้มค่ามากขึ้น

ทิศทางอนาคตของ Google Ads ในปี 2025

## ทิศทางอนาคตของ Google Ads ในปี 2025: เจาะลึกเทรนด์สำคัญที่นักการตลาดต้องรู้ Google Ads ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการตลาดดิจิทัล แต่ภูมิทัศน์กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การมองไปข้างหน้าสู่ปี 2025 จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักการตลาดที่ต้องการปรับตัวและคว้าโอกาสใหม่ๆ นี่คือทิศทางและแนวโน้มสำคัญที่คาดว่าจะกำหนดอนาคตของ

ขยายโฆษณาสู่ตลาดต่างประเทศผ่าน Google Ads

## ทลายกำแพง! ขยายโฆษณาสู่ตลาดโลกง่ายๆ ด้วย Google Ads ในยุคที่โลกเชื่อมต่อถึงกันอย่างไร้พรมแดน การจำกัดธุรกิจของคุณไว้แค่ในประเทศอาจหมายถึงการพลาดโอกาสเติบโตครั้งสำคัญ ตลาดต่างประเทศเต็มไปด้วยศักยภาพและกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่รอให้คุณไปค้นพบ และเครื่องมือทรงพลังที่จะช่วยเปิดประตูสู่ตลาดโลกให้ธุรกิจของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพก็คือ Google Ads ทำไมต้อง Google

การจัดทำโฆษณาแบบ Multilingual

## เจาะลึกการจัดทำโฆษณาแบบ Multilingual: เข้าถึงลูกค้าทั่วโลกอย่างมีประสิทธิภาพ ในยุคที่โลกเชื่อมต่อกันอย่างไร้พรมแดน การสื่อสารกับลูกค้าในภาษาเดียวอาจไม่เพียงพออีกต่อไป การจัดทำโฆษณาแบบ Multilingual หรือโฆษณาหลายภาษา จึงกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดต่างประเทศ หรือแม้กระทั่งเข้าถึงกลุ่มลูกค้าหลากหลายเชื้อชาติภายในประเทศ โฆษณา Multilingual คืออะไร? คือการสร้างสรรค์และเผยแพร่แคมเปญโฆษณาในภาษาต่างๆ

เทคนิคจัดแคมเปญแบบ Budget Limited

## เทคนิคจัดแคมเปญการตลาดแบบ Budget Limited: งบน้อยก็ปังได้! การทำแคมเปญการตลาดโดยมีงบประมาณจำกัด (Budget Limited) ถือเป็นความท้าทายที่ธุรกิจจำนวนมาก โดยเฉพาะ SME หรือสตาร์ทอัพต้องเผชิญ แต่ข้อจำกัดด้านงบประมาณไม่ได้หมายความว่าคุณจะสร้างแคมเปญที่ประสบความสำเร็จไม่ได้ หัวใจสำคัญคือการวางแผนอย่างชาญฉลาด ใช้ความคิดสร้างสรรค์

ติดตาม Cross-device Conversion อย่างไร?

## ติดตาม Cross-device Conversion อย่างไร ให้เห็นภาพรวม Customer Journey ครบถ้วน Cross-device Conversion คืออะไร? Cross-device Conversion หมายถึง