## ขยายฐานลูกค้าใหม่ด้วย Lookalike Audience (Similar Audiences) ใน Google Ads
ในโลกของการตลาดดิจิทัล การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ที่มีแนวโน้มจะสนใจสินค้าหรือบริการของเรา ถือเป็นหัวใจสำคัญในการเติบโตทางธุรกิจ Google Ads มีเครื่องมือทรงพลังที่เรียกว่า Similar Audiences (หรือที่นักการตลาดนิยมเรียกว่า Lookalike Audience ตามแพลตฟอร์มอื่น) ซึ่งช่วยให้คุณสามารถขยายการเข้าถึงไปยังผู้ใช้ใหม่ๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับลูกค้าปัจจุบันหรือผู้ที่มีส่วนร่วมกับธุรกิจของคุณอยู่แล้ว
Similar Audiences คืออะไร?
Similar Audiences คือ กลุ่มเป้าหมายที่ Google สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติ โดยใช้ Machine Learning วิเคราะห์ลักษณะพฤติกรรม ความสนใจ ข้อมูลประชากร และรูปแบบการใช้งานต่างๆ ของผู้ใช้ใน กลุ่มเป้าหมายต้นฉบับ (Source Audience) ที่คุณมีอยู่ เช่น:
1. รายชื่อรีมาร์เก็ตติ้ง (Remarketing Lists): ผู้ที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ
2. รายชื่อลูกค้า (Customer Match Lists): รายชื่ออีเมลหรือเบอร์โทรศัพท์ของลูกค้าที่คุณอัปโหลด
3. ผู้ใช้แอปพลิเคชัน (App Users): ผู้ที่เคยใช้งานแอปของคุณ
4. ผู้มีส่วนร่วมกับ YouTube (YouTube Users): ผู้ที่เคยดูวิดีโอ กดติดตาม หรือมีปฏิสัมพันธ์กับช่อง YouTube ของคุณ
จากนั้น Google จะค้นหาผู้ใช้ใหม่ๆ บนเครือข่ายของ Google (เช่น Google Search, YouTube, Gmail, Google Display Network) ที่มีลักษณะ พฤติกรรม และความสนใจ “คล้ายคลึงกัน” กับคนในกลุ่มเป้าหมายต้นฉบับเหล่านั้น เพื่อสร้างเป็น Similar Audience ให้คุณนำไปใช้ในการกำหนดเป้าหมายแคมเปญโฆษณา
ทำไมต้องใช้ Similar Audiences?
* ขยายการเข้าถึงอย่างมีประสิทธิภาพ: ช่วยให้คุณค้นพบลูกค้าใหม่ๆ ที่มีแนวโน้มจะสนใจธุรกิจของคุณ แทนที่จะต้องเดาหรือกำหนดเป้าหมายแบบกว้างๆ
* เพิ่มโอกาสในการเกิด Conversion: เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายนี้มีลักษณะคล้ายลูกค้าเดิม จึงมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนเป็นลูกค้า (Conversion) ได้สูงกว่ากลุ่มเป้าหมายทั่วไป
* เพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ: สามารถช่วยเพิ่มอัตราการคลิก (CTR) และลดต้นทุนต่อการได้มาซึ่งลูกค้า (CPA) ได้ในบางกรณี
* ประหยัดเวลา: Google ช่วยสร้างกลุ่มเป้าหมายนี้ให้โดยอัตโนมัติ คุณเพียงแค่นำไปใช้งาน ไม่ต้องเสียเวลาสร้างเกณฑ์การกำหนดเป้าหมายใหม่ๆ ที่ซับซ้อน
การทำงานของ Similar Audiences
Google จะวิเคราะห์สัญญาณต่างๆ นับล้านจากผู้ใช้ในกลุ่มเป้าหมายต้นฉบับ (Source Audience) ของคุณ เช่น:
* เว็บไซต์ที่เข้าชม
* คำค้นหาที่ใช้
* แอปที่ติดตั้ง
* ตำแหน่งที่ตั้ง
* ข้อมูลประชากร (หากมี)
* พฤติกรรมการดูวิดีโอ YouTube
จากนั้นระบบ Machine Learning จะมองหารูปแบบ (Pattern) และสร้างโปรไฟล์ลักษณะเฉพาะของกลุ่มเป้าหมายต้นฉบับ แล้วจึงนำโปรไฟล์นี้ไปค้นหาผู้ใช้คนอื่นๆ ที่มีลักษณะใกล้เคียงกันในเครือข่าย Google
ข้อควรทราบ:
* ขนาดของ Source Audience: กลุ่มเป้าหมายต้นฉบับต้องมีขนาดใหญ่พอ (Google กำหนดจำนวนขั้นต่ำไว้สำหรับแต่ละประเภท เช่น อย่างน้อย 100 คนสำหรับ Website Visitors, 1,000 คนสำหรับ Customer Match หรือ YouTube Users) เพื่อให้ระบบสามารถวิเคราะห์และสร้าง Similar Audience ที่มีคุณภาพได้
* ความเป็นส่วนตัว: กระบวนการนี้เป็นไปตามนโยบายความเป็นส่วนตัว ผู้ใช้แต่ละคนใน Similar Audience จะไม่ถูกระบุตัวตน
* การอัปเดต: Similar Audiences จะมีการอัปเดตข้อมูลอยู่เสมอตามการเปลี่ยนแปลงของ Source Audience และพฤติกรรมของผู้ใช้
วิธีใช้ Similar Audiences ในแคมเปญ Google Ads
โดยทั่วไป Google จะสร้าง Similar Audiences ให้โดยอัตโนมัติเมื่อ Source Audience ของคุณมีคุณสมบัติครบถ้วน คุณสามารถค้นหาและนำไปใช้ได้ในขั้นตอนการตั้งค่ากลุ่มเป้าหมาย (Audience Targeting) ของแคมเปญประเภทต่างๆ เช่น Display, Video (YouTube), Discovery, Gmail และ Search (ใช้ร่วมกับ RLSA – Remarketing Lists for Search Ads)
ขั้นตอนโดยสังเขป:
1. ไปที่แคมเปญหรือกลุ่มโฆษณาที่คุณต้องการเพิ่ม Similar Audience
2. ไปที่ส่วน “ผู้ชม” (Audiences) หรือ “การกำหนดเป้าหมาย” (Targeting)
3. เลือก “เลือกดู” (Browse) > “วิธีที่พวกเขาโต้ตอบกับธุรกิจของคุณ” (How they have interacted with your business) หรือ “กลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกัน” (Similar segments)
4. คุณจะเห็นรายการ Similar Audiences ที่ Google สร้างขึ้นจาก Source Audience ต่างๆ ของคุณ (เช่น “คล้ายกับผู้เข้าชมทั้งหมด”, “คล้ายกับผู้ที่เคยซื้อสินค้า”)
5. เลือก Similar Audience ที่คุณต้องการใช้
6. (แนะนำ) อย่าลืม ยกเว้น (Exclude) กลุ่มเป้าหมายต้นฉบับ (Source Audience) ออกจากแคมเปญที่ใช้ Similar Audience เพื่อไม่ให้โฆษณาแสดงผลซ้ำซ้อนกับกลุ่มที่คุณเข้าถึงอยู่แล้ว
เคล็ดลับเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด:
* ใช้ Source Audience ที่มีคุณภาพ: เริ่มต้นด้วย Source Audience ที่สำคัญที่สุด เช่น กลุ่มลูกค้าที่เคยซื้อ (Converters) หรือกลุ่มผู้เข้าชมหน้าสินค้าหลัก
* ให้เวลา Machine Learning: ระบบต้องใช้เวลาเรียนรู้และปรับปรุงประสิทธิภาพ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินผลลัพธ์เร็วเกินไป
* ทดสอบและวัดผล: ลองใช้ Similar Audiences จาก Source Audience ที่แตกต่างกัน และติดตามผลลัพธ์อย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่ากลุ่มไหนให้ผลตอบแทนดีที่สุด
* ปรับ Bid Strategy: พิจารณาใช้ Smart Bidding เช่น Target CPA หรือ Maximize Conversions เพื่อให้ Google ช่วยปรับราคาประมูลให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายนี้
สรุป
Similar Audiences เป็นเครื่องมืออันทรงพลังใน Google Ads ที่ช่วยให้นักการตลาดสามารถขยายฐานลูกค้าได้อย่างชาญฉลาด โดยการเข้าถึงผู้ใช้ใหม่ๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับลูกค้าที่ดีที่สุดของคุณ การทำความเข้าใจหลักการทำงานและนำไปปรับใช้อย่างถูกวิธี จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญและขับเคลื่อนการเติบโตให้กับธุรกิจของคุณได้อย่างแน่นอน













