## อ่าน Report Google Ads แบบเข้าใจง่าย ไม่ต้องปวดหัว!
การดูรีพอร์ต Google Ads อาจดูน่ากลัวในตอนแรก เต็มไปด้วยตัวเลขและศัพท์เทคนิค แต่จริงๆ แล้วมันไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้นครับ แค่รู้ว่าต้องโฟกัสที่จุดไหน ก็จะช่วยให้คุณเข้าใจประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา และนำไปปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ มาดูกันว่ามีอะไรสำคัญๆ บ้าง:
กลุ่มข้อมูลพื้นฐาน: ภาพรวมแคมเปญเป็นอย่างไร?
1. การแสดงผล (Impressions): คือจำนวนครั้งที่โฆษณาของคุณ *ปรากฏ* ให้คนเห็นบนหน้าผลการค้นหา Google หรือเว็บไซต์พันธมิตร เหมือนป้ายโฆษณาที่คนขับรถผ่านแล้วเห็น ยิ่งเยอะก็หมายถึงคนเห็นเยอะ แต่ยังไม่ได้บอกว่าเขาสนใจคลิกหรือเปล่า
2. คลิก (Clicks): คือจำนวนครั้งที่คน *คลิก* ที่โฆษณาของคุณเข้ามายังเว็บไซต์หรือ Landing Page นี่คือสัญญาณแรกว่าโฆษณาของคุณน่าสนใจพอที่จะดึงดูดคนเข้ามาได้
3. อัตราการคลิกผ่าน (CTR – Click-Through Rate): ตัวนี้สำคัญมาก! บอกเราว่า *เปอร์เซ็นต์* ของคนที่เห็นโฆษณา (Impressions) แล้วตัดสินใจคลิก (Clicks) เป็นเท่าไหร่ คำนวณง่ายๆ คือ (จำนวนคลิก / จำนวนการแสดงผล) x 100%
* CTR สูง: แปลว่าข้อความโฆษณาและคีย์เวิร์ดของคุณน่าจะตรงใจกลุ่มเป้าหมาย ทำให้คนอยากคลิกเข้ามาดูต่อ
* CTR ต่ำ: อาจต้องพิจารณาปรับปรุงข้อความโฆษณาให้ดึงดูดขึ้น หรือดูว่าคีย์เวิร์ดที่ใช้กว้างไปหรือไม่ตรงกับโฆษณาหรือเปล่า
4. ค่าใช้จ่าย (Cost): คือจำนวนเงินทั้งหมดที่คุณใช้ไปกับแคมเปญนี้ในช่วงเวลาที่เลือกดู
5. ราคาต่อหนึ่งคลิกเฉลี่ย (Avg. CPC – Average Cost Per Click): คือค่าใช้จ่ายเฉลี่ยที่คุณจ่ายไปเมื่อมีคนคลิกโฆษณา 1 ครั้ง คำนวณจาก (ค่าใช้จ่ายทั้งหมด / จำนวนคลิกทั้งหมด) ตัวเลขนี้ช่วยให้รู้ว่าต้นทุนในการดึงคนเข้าเว็บ 1 คนอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่
กลุ่มข้อมูลวัดผลลัพธ์: โฆษณาแล้วได้ผลตามเป้าหมายไหม?
นี่คือส่วนที่สำคัญที่สุด เพราะบอกว่าเงินที่จ่ายไปนั้นคุ้มค่าหรือไม่
6. คอนเวอร์ชัน (Conversions): คือ *การกระทำที่มีค่า* ที่คุณต้องการให้เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ หลังจากที่คนคลิกโฆษณาเข้ามา เช่น การสั่งซื้อสินค้า, การกรอกฟอร์มติดต่อ, การสมัครสมาชิก, การดาวน์โหลดเอกสาร หรือการโทรศัพท์ (คุณต้องตั้งค่า Tracking สิ่งเหล่านี้ก่อนใน Google Ads)
7. ต้นทุนต่อคอนเวอร์ชัน (Cost / Conversion): สำคัญมากๆ! บอกว่าคุณต้องจ่ายเงินไปเท่าไหร่โดยเฉลี่ยเพื่อให้ได้มาซึ่ง 1 คอนเวอร์ชัน คำนวณจาก (ค่าใช้จ่ายทั้งหมด / จำนวนคอนเวอร์ชันทั้งหมด)
* ตัวเลขนี้ยิ่งต่ำยิ่งดี หมายความว่าคุณใช้งบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
8. อัตราคอนเวอร์ชัน (Conversion Rate): คือเปอร์เซ็นต์ของคนที่คลิกโฆษณาเข้ามาแล้ว *เกิดคอนเวอร์ชันจริงๆ* คำนวณจาก (จำนวนคอนเวอร์ชัน / จำนวนคลิก) x 100%
* อัตรานี้สูง: แปลว่าคนที่คลิกเข้ามา มีแนวโน้มที่จะทำในสิ่งที่คุณต้องการ อาจเป็นเพราะ Landing Page ของคุณดี สินค้าน่าสนใจ หรือข้อเสนอโดนใจ
* อัตรานี้ต่ำ (แม้ CTR จะสูง): อาจมีปัญหาที่หน้า Landing Page เช่น โหลดช้า, ข้อมูลไม่ตรงกับโฆษณา, ปุ่มสั่งซื้อหายาก หรือข้อเสนอไม่น่าสนใจพอ
ดูข้อมูลเหล่านี้แล้วทำอะไรต่อ?
* มองหาจุดแข็ง: แคมเปญไหน, กลุ่มโฆษณาไหน, หรือคีย์เวิร์ดไหนที่ให้ CTR สูง, คอนเวอร์ชันดี, และ Cost/Conversion ต่ำ? -> อาจจะเพิ่มงบประมาณให้ส่วนนี้ หรือนำแนวทางไปปรับใช้กับส่วนอื่น
* มองหาจุดอ่อน: ส่วนไหนที่ ค่าใช้จ่ายสูง แต่คอนเวอร์ชันน้อย (Cost/Conversion สูง)? ส่วนไหนที่ CTR ต่ำมาก? -> อาจจะต้องปรับปรุงข้อความโฆษณา, ปรับปรุง Landing Page, หยุดใช้คีย์เวิร์ดที่ไม่ทำเงิน, หรือปรับการเสนอราคา (Bid)
* เปรียบเทียบช่วงเวลา: ลองดูข้อมูลย้อนหลังเป็นรายสัปดาห์ หรือรายเดือน เพื่อดูแนวโน้มว่าแคมเปญดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างไร
สรุปง่ายๆ:
เริ่มต้นจากการดูว่ามีคนเห็น (Impressions) และคลิก (Clicks) โฆษณาคุณมากน้อยแค่ไหน (ดู CTR ประกอบ) จากนั้นดูว่าคนที่คลิกเข้ามา ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่คุณต้องการ (Conversions) หรือไม่ และต้นทุนในการได้ผลลัพธ์นั้น (Cost/Conversion) คุ้มค่าหรือเปล่า การหมั่นตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้เป็นประจำ จะช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้า ปรับปรุงแคมเปญ และใช้งบประมาณ Google Ads ได้อย่างคุ้มค่าที่สุดครับ!












